วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Class 6 : E-business and E-commerce

Click & Mortar and Blick &Mortar
-      Click & Mortar การทำธุริจทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์ซึ่งโดยปกติจะรวมถึงเวปไซต์และการมีหน้าร้านโดยตรง
-      Brick & Mortar การทำธุรกิจทางออฟไลน์เท่านั้น ไม่มีหน้าร้าน
-      API (Application Programming Interface) เป็นซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างโปรแกรมซอฟแวร์ที่ต่างกัน และอำนวยความสะดวกในการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ โดยบริษัทมักจะทำการผลิตโปรแกรม แล้วเผยแพร่โปรแกรมนั้นในภายหลัง

Benefit of E-commerce
-          To organization  เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า
-          Customers  สามารถเข้าถึงสินค้าที่หายากในท้องตลาดได้
-          Society  เข้าถึง/รู้จักคนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน
Limitation of E-commerce
-          Technological limitations 
-          Non technological limitations  เช่น ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล

Social commerce (Social commerce/Social Shopping)
           การที่คนเราจะซื้อของ คนก็จะไปหาข้อมูล ขอคำปรึกษาออนไลน์ ซึ่งคนที่ผู้ซื้อจะเชื่อมากที่สุด คือ เพื่อน  บริษัทที่กลัว FB มากที่สุด คือ กูเกิ้ล เพราะเฟซบุคก็มีฐานข้อมูลใหญ่ และกำลังจะพัฒนาให้เป็น search engine รวบรวมรีวิว
-Electronic catalogs เพราะมีคนต้องการดูแบบเป็นหนังสือมากกว่า ดูเป็นเว็บหมดเลย
-E-Auctions เว็บประมูลสินค้า ทั้งให้ลูกค้าธรรมดาประมูล และลูกค้าที่เป็นธุรกิจ หรือเอาของตกรุ่นมาขาย
-E-classifieds เช่น Halfขายของราคาประมาณครึ่งนึงของราคาปกติ หรือe-bay store ก็รวมร้านค้าอยู่ในนี้เลย
-Electronic Storefronts เป็นbrick & motar มีร้านในห้างด้วย แล้วก็มีในเว็บด้วย ข้อดี เจาะลูกค้าได้หลากหลาย ถ้าจะคืนของเอาไปที่ร้านได้ ข้อเสีย ต้องบริหารหลายที่ ต้องมีผู้บริหารแยกกันต่างหากเลย
-travel service ใช้ IT เยอะมาก เพราะต้องจองเครื่องบิน รถ โรงแรม ไปเที่ยวทำกิจกรรม ดูโชว์
-E-government เช่น e-auction ประมูลป้ายทะเบียนรถ ทำบัตร ปชช ก็ใช้ IT แล้ว
Ethical&legal
-เวลาจะซื้อของตามเว็บ ต้องดูว่าหน้าเพจนั้นมีไอคอนรูปกุญแจหรือไม่ ถ้ามีถึงจะแสดงว่าเว็บนั้นปลอดภัย
-เว็บ consumerist รวมบทวิจารณ์สินค้าหรือเว็บต่างๆ ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวิเคราะห์สินค้า/เว็บที่เหมาะสม

Presentation
Ø  Health Informatics คือ การนำข้อมูลที่เกี่ยวกับทางด้านสุขภาพมาผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการทรัพยากร, เครื่องใช้ต่างๆ และนำมาพัฒนาปรับปรุงวิธีการได้มา, การเก็บรักษาและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกี่ยวสุขภาพ
ระบบสารสนเทศสุขภาพ (Health Information) หมายถึง สารสนเทศที่เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมถึงข้อมูลด้านทรัพยากรสาธารณสุข และกิจกรรมสาธารณสุข โดยสารสนเทศสุขภาพแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1.       ข้อมูลด้านประชากร เศรษฐกิจและสังคม
2.       ข้อมูลด้านสถานสุขภาพ
3.       ข้อมูลด้านทรัพยากรสาธารณสุข
4.       ข้อมูลด้านกิจกรรมสาธารณสุข
5.       ข้อมูลด้านการบริหารจัดการ
ระบบสารสนเทศสาธารณสุข จำแนกตามภารกิจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
1.       ระบบสารสนเทศสาธารณสุขเพื่อการบริหาร
2.        ระบบสารสนเทศสาธารณสุขเพื่อการบริการ
3.       ระบบสารสนเทศสาธารณสุขเพื่องานวิชาการ

Ø  Cloud Computing
เป็นแนวคิดในการบริการด้าน IT รูปแบบใหม่  โดย Cloud Computing เป็นโมเดลที่ทำให้สามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายตามที่ต้องการได้อย่างสะดวก โดย โมเดลดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว
Cloud Computing มีลักษณะ 5 อย่างดังต่อไปนี้
1.      On-demand service
2.      Broad Network access
3.      Resource pooling
4.      Rapid Elasticity
5.      Measured Service
Benefit of Cloud Computing
1.      Cost Saving ลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เกิดการประหยัดจากขนาด
2.      Scalability
3.      Access to top-end IT capabilities
4.      Focusing on core competencies
5.      Efficient asset utilization
6.      Privacy and Securities
7.      Non-standard platform
8.      Reliability
9.      Portability

Web 2.0
เว็บ 2.0 จะต้องมีคุณลักษณะหลักๆ ดังนี้
1. ให้บริการหรือสามารถใช้งานผ่านทาง "web browser" ได้ 
2. ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลบน "website" นั้น สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับข้อมูลนั้น  
3. ให้ความสำคัญกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะมีส่วนร่วมต่อเว็บไซต์มากขึ้น ไม่ใช่แค่เข้ามาชมเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บจัดทำขึ้นเท่านั้น ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถสร้าง content ของเว็บไซต์ขึ้นมาได้เองหรือสามารถ tag content ของเว็บไซต์
4. Web 2.0 application จะมีคุณสมบัติที่เรียกว่า RIA (Rich Internet Application) นั่นคือ Web 2.0 application จะมี user interface ที่ดียิ่งขึ้น เช่น คุณสมบัติ drag & drop ซึ่งเราใช้กับใน desktop application ทั่วๆไปก็สามารถใช้ได้บนเว็บเช่นกัน
5. มีการพัฒนาและการโต้ตอบระหว่างผู้ให้บริการ และผู้ใช้งาน
6. มีความรวดเร็ว และความง่ายดายของการส่งข้อมูล แทนที่แบบเก่าที่ต้องจัดการผ่านเซิร์ฟเวอร์  
7. มีคุณสมบัติที่เรียกว่า mash-up คือการนำฟังก์ชั่นการใช้งานจากเว็บหลายๆที่ๆมาผนวกเข้าด้วยกัน

ตัวอย่างเว็บ 2.0   Digg, Flickr, Youtube, Wiki, Myspace, Facebook
         ผลกระทบของ WEB 2.0 ต่อการตลาด  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ได้แก่  การโฆษณา  การซื้อขาย  การโปรโมชั่น  การสื่อสารด้านข้อมูลของสินค้าหรือบริการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น